รีวิวการเปิดบริษัท

Pao Payungsak Klinchampa
7 min readNov 17, 2020
PAOCLOUD CONPANY LIMITED

ถ้าใครติดตามผมอยู่ น่าจะพอเห็นข่าวในสื่อ Social กันบ้าง ว่า PaOCLOUD ACADEMY ที่ผมใช้เปิดขายคอร์ส Online ไปเมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นธุรกิจง่ายๆที่ทำคนเดียว ได้แปลงร่างเป็น PAOCLOUD CO., LTD. หรือ บจ. เปาคลาวด์ ไปแล้ว

ในบทความนี้จะมารีวิว และบรรยายสิ่งที่ต้องทำ พูดถึงเรื่องบัญชีและภาษีเบื้องต้น , Business Model , Marketing และการบริหาร

ก่อนจะจดทะเบียนเปิดบริษัท ผมใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนในการศึกษาว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง มีค่าใช้จ่ายอะไรรึเปล่า ต้องเสียภาษีอะไรยังไง ต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง ประมาณนี้ครับ

และสำหรับธุรกิจนี้ มันคืองานบริการทางด้าน Cloud Computing และ Computer Network ซึ่งทางเรา รับ Design , Implement , MA , Monitoring , ขายคอร์สเรียน , สอนสด , และอะไรอย่างอื่น ผมมีแผนจะทำอะไรมากกว่านี้แน่ๆ แต่ตอนนี้ขอสร้างให้โครงสร้างบริษัททั้งหมดให้มั่นคงซะก่อนแล้วกัน (แต่ทุกๆวัน มันจะมีความคิดประมาณว่า จะเจ๊งมั๊ยว้ะ จะพังมั๊ยว้ะ จะรอดมั๊ยว้ะ แต่ถ้าไม่ลองทำ จะรู้เหรอ555)

ในส่วนของลูกค้า ผมจะเน้นไปที่บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลขนาดเล็กครับ

หวังว่าท่านที่เข้ามาอ่านคงจะรู้ว่าบริษัทผมทำอะไรนะ ผมจะขอไปที่ข้อแรกกันเลยก็คือ การจดทะเบียนเปิดบริษัทครับ

  1. จดทะเบียนเปิดบริษัท

ในส่วนของการจดทะเบียนนั้น มันจดได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือ DBD หรือจะจด Online ผ่านทาง Website ก็ได้ และสำหรับ Tech Company แบบเรา ก็ต้องเลือกใช้วิธี Online ซิครับ

ขั้นตอนเยอะอยู่พอสมควร มีแบบฟอร์มให้กรอกเยอะแยะ ผู้ก่อตั้งอย่างน้อยสามคนที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนจะต้องสมัครสมาชิกในหน้าเว็บลงทะเบียน แต่ให้คนใดคนนึงกรอกรายละเอียดในการยื่นขอจดทะเบียน

รายละเอียดก็จะเป็น ชื่อบริษัท จะเปิดบริษัทไปทำอะไร มีกี่หุ้น ทุนจดทะเบียนกี่บาท ใครเป็นกรรมการบริษัท ที่อยู่ ตราประทับบริษัท ประมาณนี้ครับ

มาดูเรื่องหุ้นกันดีกว่า จะแบ่งกันยังไง ??? สำหรับของผม หุ้นของผมกับพี่ชายจะเท่ากัน เพราะเราถือว่าเราลงเงินเท่ากัน อีกคนเป็นของน้องผมเอง แต่อันที่จริงผมออกตังค์ให้เเทนน้องไป 5555+ ก็เท่ากับว่าสัดส่วนหุ้นส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ผม และกรรมการบริษัทก็ผมคนเดียว อำนาจบริหารต่างๆนาๆก็เป็นอันว่าอยู่ที่ผมครับ และถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ผมก็ต้องรับผิดชอบ 555555

ซึ่งถ้าเราจดบริษัทผ่าน ก็ลงลายมือชื่อกันทั้งสามคนในหน้าเว็บ จ่ายตังค์ รอรับเลขทะเบียนนิติบุคคได้เลย และได้หนังสือแผ่นสีเขียวๆ 1 ใบ อันนี้พี่ไปรษณีย์ส่งมาให้ถึงที่เลยครับ

สำหรับค่าธรรมเนียมจดบริษัทของผมจ่ายไป 4500 THB

2. ทำตราประทับบริษัท

วันที่ 24/08/2020 ซึ่งเป็นวันเกิด บจ.เปาคลาวด์ วันนั้นผมวุ่นๆทั้งวัน ตั้งเเต่สิบโมงเช้าไปจนดึก และงานแรกของบริษัทเรา ก็ต้องมีตราประทับ อันนี้ผมสั่งจากในเน็ตเอาครับ สามร้อยกว่าบาท ก็เป็น Logo บริษัทนั่นเเหละครับ อีกวันนึงก็ได้รับเเล้ว

3. เปิดบัญชีบริษัท

เมื่อได้บริษัทเรียบร้อย ก็ต้องมีบัญชีธนาคารในการรับเงิน เก็บเงิน และจ่ายเงิน ตอนแรกจะไปเปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทย แต่ติดเรื่องเอกสาร เลยไป SCB แทน แต่ก็พบว่า บริษัทเพิ่งจดทะเบียนได้ไม่นาน ไม่ถึง 1 เดือน ต้องใช้เอกสารต่างๆนาๆเยอะมากๆ แต่ก็ผ่านไปได้ ผมต้องไปธนาคาร 3–4 รอบกว่าจะทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์

4. หาโปรเเกรมมาทำบัญชี บันทึกรายรับรายจ่าย และออกใบเสนอราคา ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารอะไรต่างๆอื่นๆ

ผมลองเล่นมาหลายตัว สุดท้ายก็เลือก Flow Account ไป เพราะชอบ UI ของมัน 555 และรู้สึกว่า มันง่ายกว่าตัวอื่นที่ลองเล่น ก็โดนค่าเสียหายไป 2900 กว่าบาท ใช้ได้ 1 ปี

5. จดโดเมน ทำเว็บบริษัท

หลังบ้านก็เป็น AWS จดโดเมน .co.th จาก THNIC เว็บที่ใช้ก็ Wordpress + Elementor ครับ ไปดูกันได้ที่ www.paocloud.co.th

6. จัดการทำสื่อ Social Media ต่างๆ

ทั้งเปลี่ยนชื่อ แก้ข้อมูลสมัยที่ยังเป็น PaOCLOUD ACADEMY และเปิดใหม่ สื่อที่ใช้ก็จะเป็น Facebook Page เป็นหลักครับ ตัวอื่นๆก็ Line OA , Twitter , Instagram , Linkedin , Youtube เป็นต้น

7. จดทะเบียนพาณิชย์ที่ อบต.

อันนี้เนื่องจากว่า เราใช้สื่อ Online ด้วย ก็ไปจดทะเบียนที่ อบต. พร้อมกับยกเลิกของใหม่ โดนค่ายกเลิกไป 20 บาท และจดใหม่ 50 บาทครับ

8. ขอ Logo Trustmarker

อันนี้ก็เป็น Logo ที่ทาง DBD เค้าออกให้ครับ ประมาณว่าเอามาใส่ในเว็บล้ะมันดูน่าเชื่อถือ วันที่ผมขอ เค้าปิดระบบซะงั้น เลยรอประมาณอาทิตย์นึง ก็ขอได้เเล้วครับ แค่ทำการสมัครสมาชิกกับระบบ แล้วกรอกข้อมูลต่าๆให้สมบูรณ์ ก็ได้ Logo แล้วครับ

มาดูเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกบ้าง

บัญชี

เรื่องของบัญชี ผมก็บอกไปเเล้วว่าเราใช้ Flow Account ครับ แต่เนื่องจากทางผมไม่ได้มีนักบัญชีทำให้ประจำ ก็ต้องจ้างทางนักบัญชีมาช่วยปิดงบ + ผู้สอบบัญชีของเเต่ละปี เพื่อยื่นงบการเงินไปยัง DBD ครับ

ภาษี

ปกติเเล้วถ้าเราจ้างให้ทางบัญชีเค้าจัดการลงบัญชีรายเดือนให้ เค้าก็มักจะยื่นภาษีให้เราด้วยครับ ถ้าโครงสร้างบริษัทใหญ่โต มีลูกจ้างบลาๆๆ ก็ให้ทางบัญชีเค้าทำไปเถอะครับ มันเยอะจริงๆ 555+ แต่เนื่องจากว่าผมทำแบบ Simple และเรียบง่าย ก็จัดการยื่นเองซะเลย ภาษีที่เกี่ยวข้องก็จะเป็น

  1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล มีทั้งยื่นกลางปี และปลายปี
  2. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย มีทั้งเราโดนหัก อันนี้ไม่ต้องทำอะไร แต่ถ้าเราไปหักชาวบ้านเค้า อันนี้ก็ต้องส่งภาษี และออกหนังสือรับรองครับ
  3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม อันนี้ทางผมจังไม่ได้จด VAT ก็ไม่ต้องยื่น เเต่เนื่องจากว่าผมซื้อบริการต่าประเทศเยอะมาก 555 ก็เลยต้องยื่น ภพ.36 ในเดือนถัดไปครับ
  4. หัก ณ ที่จ่ายอีกตัว หรือ ภงด.54 อันนี้ก็คล้ายๆข้อที่เเล้วครับ คือเพราะพึ่งพา Service ต่างประเทศทั้งนั้น เลยจ่ายเยอะ ปกติก็ 15% เเต่ถ้าประเทศไหนมีภาษีซ้อน ที่ผมเจอก็ 5% ครับ อย่างไอร์แลนด์ USA หรือ SG พวกนี้จะเป็น 5% หมดเลย
  5. ภาษีป้าย อันนี้ทำป้ายไว้ดูสวยๆครับ เนื่องจากจดทะเบียนต่างจังหวัด ก็ต้องไปปรึกษาทาง อบต. ก็โดนตีราคาประมาณ 200 กว่าบาทมั๊งครับ เริ่มเก็บปีหน้า

ยังมีเรื่องของประกันสังคมอีก เเต่ผมไม่ได้จ้างใครประจำซะหน่อย ตาม Style Tech Company ยุคใหม่ที่ต้องการความคล่องตัวสูงมากๆ

Office

ไม่ต้องมีครับ 5555 ผมทำงานจากทุกๆที่อยู่เเล้ว ตาม Style Tech Company ยุคใหม่ ทำที่บ้านบ้าง ร้านกาแฟบ้าง บนรถบ้าง ซึ่งไม่ได้แปลกไปสำหรับผมเลย ทำได้ทุกที่จริงๆครับ เพราะระบบทุกอย่างมันอยู่บน Cloud

Paperless

ลดการใช้กระดาษให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ครับ ระบบงานภายในคือ Paperless จริงๆ 100% เพราะเราใช้ Cloud หมดเลย ยกเว้นก็เเต่เวลาติดต่อหน่วยงานรัฐ แถมยังทำ Digital Sign เอกสารกับ DocuSign อีกต่างหาก เวอร์วังเหลือเกิน 555

การประชุมผู้ถือหุ้น

กฎหมายบังคับให้จัดทุกปี ปีละอย่างน้อย 1 ครั้งครับ มีทั้งสามัญและวิสามัญ จะจัดแบบไหนก็เเล้วเเต่วัตถุประสงค์ ปกติก่อนยื่นงบมันก็ต้องประชุมอยู่ล้ะ แถมบังคับให้ลงหนังสือพิมพ์อีก ยังไม่รวมการส่งจดหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ล้าหลังมากสำหรับยุคนี้ กฎหมายควรจะปรับปรุงได้ล้ะครับ

Partner

จุดประสงค์อีกอย่างที่ผมจดบริษัทก็คือ เรื่องของการทำ Partner กับ Cloud Provider ใหญ่ๆ อย่าง AWS หรือ GCP และก็ Cisco ที่รักด้วย ซึ่งก็ต้องสอบ Cert หลายๆตัว ทั้งเสียตังค์และไม่เสียตังค์ครับ เพื่อเลื่อน Level

ยังมีเรื่องอื่นๆอีกเยอะเลย ไว้จะมา Update เรื่อยๆครับ

Update 29/12/2020

ตอนนี้ก็ 4 เดือนเต็มๆล้ะครับ ที่จดบริษัทมา งานแต่ละวันก็เปลี่ยนไป มีงานบางอย่างที่ต้องทำทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน คือการดูบัญชี ลงรายรับรายจ่าย การเบิกเงิน โอนเงิน เสียภาษี บลาๆๆๆ เนื่องจากผมไม่ได้จ้างทางนักบัญชีทำประจำ เเต่จ้างปีละครั้ง เพราะมันไม่ได้มีรายการเยอะมากมาย และหลายๆอย่าง เราก็ควรจะรู้เรื่องและทำเป็น ทำได้อันนี้ผมได้ติดต่อทางคุณอาร์ทจาก https://www.alt-tax.com นะครับ ท่านใดสนใจก็ติดต่อไปได้ ต้องขอบคุณที่ให้ความรู้ผมด้วยครับ โดนผมยิงคำถามไปเยอะ บางครั้งก็เกรงใจพี่เเกเหลือเกิน 555+

แต่ละวันทำอะไรบ้าง ก็ตามนี้ครับ

  • เข้าร่วมสัมนา Online , Virtual Event ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็น AWS กับ Cisco ครับ มีทั้งกลางวัน และกลางคืน อย่าง AWS ผมลง Training กับ AWS ซึ่งเค้าสอนกันกลางวัน เเต่มัน Timezone เมกาไงครับ ล้ะคือผมอยู่ไทย เท่ากับว่าตีหนึ่ง ตีสอง ผมนั่งฟังบรรยายอยู่ 5555+ ก็เลยมีความคิดว่า อยากทำ AWS Authorize Training ในไทย ให้มันดูเข้าถึงง่าย ใครๆก็ลงเรียนได้ เเต่ก็ไม่ง่ายนะ ขนาดผมทำ AWS Basic Course ในปีที่เเล้วก็เหนื่อยมาก เจอปัญหาอะไรเยอะเเยะ
  • ทำงานครับ ทั้ง Coding , Infra , Network อะไรทำได้ ก็ทำหมดล้ะครับ
  • อ่าน Email อันนี้คือ ตื่นปุ๊บ อ่านปั๊บ ก่อนจะเเปรงฟัน หรืออาบน้ำซะอีก
  • ตอบแชทลูกค้าที่เข้ามาถามอะไรหลายอย่างทุกๆวัน ทั้งแชทส่วนตัวและเพจบริษัท
  • ช่วยเหลือ Community ในด้านต่างๆ ทั้ง Coding , Infra, Cloud , Network
  • เป็น Code Contributor ให้กับ Open Source Project
  • ตรวจบัญชี รายรับรายจ่าย ใบกำกับภาษี เอกสารซื้อขายต่างๆ
  • ช่วงต้นเดือน ก็จัดการเสียภาษีครับ จะเป็น ภงด53 , 54 , 3 , ภพ 36 ครับ
  • อ่านบทความ ลงเรียนพวก Online Course ด้านอื่นๆ ความรู้หลายๆเเขนง
  • ซื้อหุ้น , ลงกองทุนรวม ,เทรด Bit Coin 555555555+
  • มีประชุมกับบริษัทอื่นๆ ที่ผมไปพัวพัน และดูเเลระบบบางอย่างอยู่บ้าง

หลักๆของเเต่ละวัน ก็ประมาณนี้ครับ มันเหนื่อย สนุก ตื่นเต้น ท้าทาย และหลายๆความรู้สึกที่ไม่รู้จะบอกยังไง ผมไม่รู้ว่าจะทำได้นานเเค่ไหนเหมือนกัน บางครั้งก็รู้สึกอยากนอนอยู่เฉยๆ หลับๆไป สายตาก็สั้นลงๆ คืออยู่หน้าคอมมาเกินครึ่งชีวิตตัวเอง แต่ละวันก็ไม่ใช่น้อยๆ 5555 ตอนนี้ก็คิดๆไว้ว่า ถ้าหาใครที่มาเเทนตัวผมได้ ทำทุกอย่างเเทนได้หมด มันคงจะดีมากเลย คิดว่าจุดๆนึง อาจจะวางมือจากงานพวกนี้ ล้ะเป็น Consult เเทน มีอะไรอยากทำที่ไม่ได้เกี่ยวกับคอมอีกเยอะ อยากได้ DJ Controller ไว้เปิดเพลงสนุกๆ อยากสะพายกล้องเที่ยวเรื่อยๆ เขียน blog ท่องเที่ยว ทำ Vlog อะไรพวกนี้

Updated : 09/01/2021

ตอนนี้ก็ขึ้นปีใหม่เเล้วครับ ซึ่งก็เท่ากับผมปิดรอบบัญชีบริษัทไปด้วย ก็จัดการส่งเอกสาร และเตรียมข้อมูลต่างๆให้ทางพี่บัญชีจัดการให้ไปแล้ว รอให้ทางงพี่บัญชีตรวจสอบ เซ็นรับรอง และยื่นงบการเงินไปยัง DBD ให้ครับ ขั้นตอนเยอะพอสมควรเพราะต้องมีประชุมผู้ถือหุ้นอะไรด้วย จะเป็นยังไงไว้ผมจะมา Review ให้ครับ

สำหรับในปีนี้ ทางพี่ชายผมที่เป็นหุ้นส่วน ได้เพิ่มบริการติดตั้งกล้องวงจรปิด , Network , Server , IoT เข้าไปด้วย ซึ่งทางบริษัทผมก็ได้มีโอกาสติดต่อไปยัง Distributor หลายแห่งครับ คือติดต่อไปเพื่อสั่งของจากเค้ามาขายต่อเเละติดตั้งให้ลูกค้า ประเด็นคือ มันจะมีเรื่อง VAT อยู่ครับ แบบนี้

ปกติเเล้ว VAT ทางกฎหมายจะบังคับจดครับ ถ้ารายได้เราเกิน 1.8 ล้านต่อปี ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือบริษัท , หจก. ก็ตาม แต่ก็จะมีบางธุรกิจที่เค้ายกเว้น เเต่ส่วนใหญ่ถ้ารายได้ถึงก็ต้องจดครับ แต่มันจะมีประเด็นที่ว่ารายได้ยังไม่ถึง ก็สามารถเลือกได้ ว่าจะจดหรือไม่จดดี ตรงนี้ทางผมยังไม่จด เพราะรอดูสถาณการณ์ของปีนี้ก่อนว่าจะเป็นยังไงบ้าง แต่พอไปคุยกับ Distributor หรือลูกค้าบางราย เค้าก็จะถามถึง ภพ20 ครับ ผมก็ต้องอธิบายร่ายยาวไปอีก ทั้งๆที่จริงๆ จะ VAT จะไม่ VAT ก็ทำธุรกิจร่วมกันได้หมดครับ แต่มันจะมีเรื่องการเคลมภาษีซื้อ ภาษีขายด้วย อันนี้ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ 555+

Updated : 16/01/2021

มาอัพเดทใหม่ ตอนนี้ทางผมก็ได้ร่วมงานกับบริษัทอื่น ในฐานะ Cloud Consult ซึ่งก็ทำตั้งเเต่ร่วมประชุมพูดคุยกับทีมเซล และคุยกับลูกค้า จะเป็นยังไงก็ติดตามเอานะครับ 55555+

ส่วนทางฝั่งพี่ชาย ที่รับงานจับต้องได้ ตอนนี้ก็ปิดงานไปเเล้ว รอลูกค้าจ่ายตังค์ครับ ลูกค้าราชการ เค้าจะหักเรา 1% ซึ่งเค้าจะจ่ายเป็นเช็ค ไม่ก็โอนเงินให้

และ Flow Account ที่ผมใช้อยู่ ก็ได้ทำการปรับเอกสารด้านงานขาย ให้สอดคล้องกับบริการใหม่ๆด้วย โดยใบเสร็จรับเงินจะออกมาเเล้วเลขเปลี่ยนไป

และช่วงนี้ในสวนผลไม้ ก็มีงานอยู่บ้าง ก็เป็นงานในสวนทั่วๆไป

และก็เเน่นอน หลายๆที่ก็ชวนเข้าไปร่วมงานด้วย มีหลายๆ Project น่าสนใจ ใจจริงก็สนใจ อยากทำมันทุกงาน เเต่ไม่รู้จะเเยกร่างยังไงเหมือนกัน คือเราดูเหมือนงานไม่เยอะนะ เราไม่ได้เฝ้า AWS ทั้งวัน แต่ว่าในเเต่ละวัน มันมีอะไรให้ทำเยอะจริงๆ ถ้าสงสัยว่ามีอะไรบ้าง ก็ข้างบนครับ

Updated : 28/01/2021

วันนี้ทางผู้สอบบัญชี ได้ขอเอกสารที่เรียกว่า หนังสือยืนยันยอดเงินฝากในบัญชี ณ วันที่ที่เป็นวันสุดท้ายที่เราปิดงบครับ อย่างของผมก็จะเป็น 31 Dec ตามปฎิทิน เพราะมันนับวันที่ง่ายดี ซึ่งทางผู้สอบ ก็จัดเตรียมแบบฟอร์มให้เรียบร้อย ผมเเค่ปริ๊น เซ็น ประทับตรา เอาไปให้ธนาคาร แต่วันนี้ ซวยซะงั้น เพราะพอไปถึงระบบล่ม เลยเเวะไป KBANK เพื่อสมัคร K Cyber for SME พอสมัครเสร็จ ก็เเวะไป SCB อีกรอบ ก็จะได้เอกสารมา 1 แผ่น โดนคิดค่าธรรมเนียม 200 บาท โดยหักจากบัญชีเรียบร้อย พอได้เอกสาร ก็ส่งให้ทางผู้สอบบัญชีไป ก็โดนค่าส่งไปอีก 16 บาท 555+

ผมแวะซื้อเครื่องเขียนใน 7–11 ซึ่งก็ได้ลองใช้ Fuction การขอใบกำกับภาษีทางแอป 7–11 ด้วย ก็กรอกข้อมูลชื่อบริษัทเราไป เราก็จะได้ PDF ซึ่งเอามาเป็นค่าใช้จ่ายบริษัทได้

ตอนนี้บริการที่ผมสนใจที่จะสมัครกับธนาคารอีกก็คือ e Witholding Tax ซึ่งเราไม่ต้องหัก ณ ที่จ่าย โดยทางธนาคารจะเป็นฝ่ายหักเอง ผมเคยโทรไปถามทาง SCB เค้าเเจ้งมาว่า พร้อมให้ใช้เดือนมีนาคม ปีนี้ ส่วนของ KBANK มันอยู่ในบริการ K Cash Connect ซึ่งมันมีค่าธรรมเนียมเเรกเข้า และค่าธรรมเนียมรายปีด้วย จริงๆก็ไม่กี่พัน แต่ขอผ่านก่อน เพราะผมเองก็ไม่ได้หัก ณ ที่จ่ายใครเยอะเเยะ ทำเอกสาร จ่ายภาษีอะไรเอง มันก็ยังทำได้อยู่

และเมื่อ 2–3 วันที่แล้ว ผมโทรถาม KBANK เรื่อบัตรเครดิทนิติบุคคล ซึ่งก็ได้ยินมาว่า ต้องเปิดบริษัท 2 ปี เเล้วต้องยื่นงบการเงินบลาๆๆ เเต่เค้าก็บอกว่า มีฝากค้ำด้วย อันนี้ยังไม่ได้ลองไปคุยดู เพราะเวลาผมจ่ายพวกค่า Cloud และค่า Software บางตัวจากต่างประเทศ ถ้าจ่ายผ่านบัตรบบริษัทไป มันจัดการง่ายดี เเต่ตอนนี้ จ่ายผ่านบัตรส่วนตัว เเล้วค่อยมาทำเอกสารเบิกเอา โอนเงินคืนอีก วุ่นวายดีเเท้

ตอนนี้ผมเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินผ่าน PayPal , Billing QR Code (ที่มี ref1 , ref2) , บัตรเครดิท/เดบิทเพิ่ม เพื่อให้สะดวกกัลูกค้ามากที่สุด แต่เงินที่ได้ก็ไม่เต็ม 100% อาจโดนหักไปบ้าง น่าจะราวๆ 2–3% แถมยังปวดหัวกับการลงข้อมูลรายรับ รายจ่ายอีก 55+ และถ้าเป็น PayPal ก็ต้องยื่น ภพ.36 เพิ่มอีก วุ่นวายกับเรามากๆ แต่ถ้ามันสะดวกกับลูกค้าก็โอเค แต่ถาพรวม ไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไรนะ

ขอตัวไปบันทึกค่าใช้จ่ายของวันนี้ต่อนะครับ เดี๋ยวเป็นยังไงต่อ ไว้จะมาเล่าอีก 555+

Updated : 14/03/2564

ตอนนี้ทางบริษัทได้จด VAT เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ จดไปเมื่อวันที่ 11/03/2564 สามารถออกใบกำกับภาษีได้แล้วครับ แต่ผมเข้าไปเช็ครายชื่อผู้ประกอบการจด VAT ก็ยังไม่เจอ PAOCLOUD ในรายการ 555+ ช้าเหลือเกิน

ผมลองสรุป VAT ที่จ่ายไปตั้งเเต่จดบริษัท ก็หลายพันบาทอยู่ครับ 555+ รู้งี้น่าจะจด VAT ไปซะตั้งเเต่เเรก แต่ยังไงผมก็ค่อยๆทำอะไรแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไปอยู่ล้ะ เอาจริงรายได้ก็ไม่ได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องจดหรอกครับ แต่พอออกใบกำกับภาษีได้ ลูกค้าเรา ก็เอาไปเคลมภาษีซื้อได้ครับ

สำหรับการไปจด VAT ทำได้ 2 แบบครับ คือไปจดเองที่สรรพากร อย่างผมอยู่ต่างจังหวัด ก็ไปที่อำเภอ เจ้าหน้าที่บริการดีมากๆ หรือไม่ก็จด Online เอาครับ

ตอนแรกผมก็จะจด Online เหมือนกัน เเต่ไม่ชัวร์ว่า ต้องไปยื่นเอกสารอะไรอีกมั๊ย แถมถ้าจด Online ก็ไม่สามารถเริ่มออก VAT ได้ตั้งเเต่วันนั้น ต้องบวกไปอีกราวๆ 15 วันครับ จึงจะออกได้ ขณะที่ไปจดเองที่สรรพากร จะออก VAT หรือเปิดใบกำกับภาษีให้ลูกค้าวันนั้นได้เลย ผมเลยเลือกที่จะเดินทางไปจดเอง

เอกสารที่ใช้ก็พวก สำเนาหนังสือรับรองบริษัท เอกสารยินยอมให้ใช้สถานที่เพื่อประกอบการ ถ้าเช่าที่คนอื่น ก็ต้องมีสัญญาเช่าไรงี้ สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านกรรมการ แผนที่บริษัท ประมาณนี้ครับ ดูจากเว็บสรรพากรได้เลย แล้วก็แบบ ภพ.01 สำหรับยื่นขอจด VAT กับอีกใบ ถ้าเราได้รับการยกเว้น VAT ก็ต้องมี ภพ.01.1 ด้วย เพื่อขอใช้สิทธ์จด VAT ครับ

ยื่นเอกสารอะไรเรียบร้อย เจ้าหน้าที่เค้าก็คืน ภพ.01 กับ ภพ.01.1 ให้อย่างละชุด พร้อมอธิบายว่าต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อ ภาษีขายไรงี้ ของผมใช้ Flow Account อยู่เเล้ว ไม่มีปัญหาครับ

กลับถึงบ้านก็ลองเช็คดู ว่ามีข้อมูลบริษัทเราในระบบยัง ปรากฎว่ายังไม่มีครับ เลยโทรไปถามสรรพรกรอีกรอบ เค้าก็เเจ้งว่ารอไปก่อน 15 วันครับ

สำหรับ ภพ.20 เค้าจะส่งไปรษณีย์มาให้วันหลังครับ ดีงามมาก ไม่ต้องเดินทาง

พอจด VAT ได้ สิ่งที่ผมอยากจะทำอีกคือ eTax Invoice ครับ ซึ่งปัจจุบัน สามารถทำได้ 2 วิธี คือ

  1. eTax invoice and eReceipt อันนี้เป็นรูปแบบเต็มเลยครับ ต้องซื้อ Certificate กับ eToken สำหรับเก็บ Certificate มาด้วย แล้วใช้ Cert นี้ในการ Sign invoice ก่อนจะส่งให้ลูกค้า ในเดือนถัดไป ก็ส่งให้สรรพากร วิธีนี้เหมาะกับบริษัทใหญ่ๆหน่อยนะครับ แต่ SME หรือบริษัทเล็กๆ ก็ทำได้ครับ ถ้าเข้าใจระบบ หรือจะเลือกใช้ Service Provider ก็ได้ เเต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก
  2. eTax invoice by email อันนี้เป็น eTax invoice แบบไม่ค่อยเต็มตัวครับ คือเราจะส่งเมลพร้อมเเนบ file eTax ไป Sign ที่สรรพากร เเล้วค่อยส่งต่อไปหาลูกค้า วิธีนี้เหมาะมากๆกับ SME ครับ เพราะค่อนข้างใช้งานง่ายกว่ามาก แถมไม่ต้องลงทุนซื้อ Cert กับ eToken

แถมเลือกได้อย่างใดอย่างนึงด้วยครับ 555+ แต่ส่วนตัว ด้วยความที่ผมเข้าใจเเละทำธุรกิจด้าน Tech อยู่เเล้ว ก็อยากใช้วิธีเเรกครับ เพราะเวลามีใครเปิด eTax ของเราดู เวลาเช็คว่าใครเป็นคน Sign มันจะมีชื่อบริษัทเราอยู่ด้วย ดูดีเเละน่าเชื่อถือมากๆ แถม Cert ตัวนี้ ยังเอาไปใช้กับงานภายในของบริษัทได้อีก ในการ sign เอกสารอื่นๆ เช่นพวกประกาศบริษัทไรงี้

ผมก็ลองคำนวณต้นทุนดู ก็ประมาณหลักพันครับ ค่า Cert 1 ปี 3000 บาท น่าจะยังไม่รวม VAT ราคานี้ กับค่า eToken ราวๆ 2500 บาท รวมๆก็น่าจะ 6–7 พันบาทได้เเล้ว 555555+ ถือว่าหลายบาทเหมือนกัน สำหรับธุรกิจเล็กๆ

และเนื่องจากว่า thai digital id ที่เป็นหน่วยงานที่ออก cert ให้ได้ เค้าออก cert แบบทดสอบให้ได้ด้วย ผมก็เลยคิดว่า จะซื้อ eToken มาก่อน เเล้วใช้ cert ทดสอบดู เพราะผมลองศึกษา code ตัวอย่างที่ etda เขียนไว้ มันต้องใช้ cert แบบ pkcs11 , pkcs12 ซึ่งมันต้องดึง file private key + public key ออกมาได้ด้วย เเต่ผมไม่เเน่ใจนี่ซิ เพราะตอนจะขอ cert มันต้องซื้อ eToken เเละเสียบเข้าเครื่องคอมด้วย แถมผมไม่มีเครื่อง windows อีก คือถ้าดึง cert ออกมาเป็น file ไม่ได้ นี่คือลำบากเเน่ๆ 555+ เเต่ส่วนตัวคิดว่าน่าจะดึงได้ล้ะมั๊งครับ ซึ่งถ้าดึงได้ การที่ผมจะสร้าง eTax invoice ให้ลูกค้า process จะประมาณนี้ครับ

  1. สร้างใบกำกับภาษีจาก Flow Account จะได้เป็น PDF ธรรมดา
  2. สร้าง file xml
  3. เอา pdf จาก flow account กับ xml ในข้อสอง ไปสร้างเป็น pdf แบบ pdfa-3
  4. เอา pdfa-3 จากข้อ 3 ไป sign ด้วย certificate แล้วส่งไปให้ลูกค้า
  5. file xml จากข้อ 2 ก็ต้อง sign ด้วย แล้วนำส่งสรรพากรในเดือนถัดไป

ของบริษัทผม ตอนนี้ยังตั้งหัวกระดาษได้ไม่เคลียร์เท่าไรเลยครับ ว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เพราะว่าต้องตั้งให้มันครอบคลุมทุกๆงานที่รับ ตอนนี้ใบกำกับภาษี กับใบเสร็จรับเงิน มันเเยกคนละใบ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ผมว่า ผมต้อง sign ทั้งสองใบแน่ๆ เเล้วส่งให้สรรพากรทั้งสองครับ ตัวนี้ก็ยังไม่เเน่ใจเหมือนกัน แต่กว่าจะได้ซักใบ ก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะต้องแก้ xml อะไรเองหมดเลย

พอคิดสิ่งที่ต้องทำเเล้ว ดูยากไปเลย 555+ ยอมเเพ้เเล้วใช้ eTax invoice by email ไปเถอะ โอ้ยยย

และสำหรับผู้ประกอบการจด VAT การจะเคลมภาษีซื้อได้ ก็เท่ากับว่า คุณต้องซื้อของที่มี VAT ด้วยครับ ซึ่งส่วนใหญ่ ผมก็คิดว่าเวลาจะซื้ออะไร ส่วนใหญ่มันก็มี VAT ทั้งนั้นอยู่เเล้ว อย่างของผมจะซื้ออุปกรณ์คอมเป็นส่วนใหญ่ ก็มี VAT ครับ

และเอกสารที่ต้องขอจากคนขายคือ ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบครับ อย่างย่อไม่ได้นะและต้องมีสาระสำคัญตามที่สรรพากรกำหนด อันนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะเดี๋ยวนี้ใช้โปรเเกรมคอมในการออกเอกสารกันทั้งนั้น 555+

และใครที่ยื่น ภพ.36 ก็เอาไปเคลม VAT ซื้อได้ครับ ใช้ได้ในเดือนนั้นตามวันที่ ที่สรรพากรลงในใบเสร็จรับเงินเลย อันนี้ใครจ่ายเงินไปต่างประเทศ คงได้ยื่นภาษีตัวนี้กันมาบ้าง อย่างของผมเองก็ยื่นครับ เพราะมีค่า Cloud หลายๆตัว กับพวก Software ต่างๆที่ซื้อจากต่างประเทศครับ

และหน้าที่อีกอย่างของผู้ประกอบการจด VAT คือ รายงานภาษีซื้อ ขาย ว่าเราซื้ออะไร จากใคร กี่บาท ขายอะไร ขายให้ใคร กี่บาทไรงี้

พอถึงเดือนถัดไป ก็ส่ง VAT คืนสรรพากรไปครับ 7% นี้ไม่ใช่เงินของเรา โดยคำนวณจากสูตร VAT ขายรวมทั้งเดือน ลบออกด้วย VAT ซื้อรวมทั้งเดือนครับ ได้เท่าไร คือเงินที่ต้องจ่ายคืนสรรพากรไป

อีกเรื่องคือ พอเราจด VAT ได้ เราก็ไปเพิ่มเเบบยื่นภาษีออนไลน์ได้ ว่าขอยื่น ภพ.30 ผ่านเน็ตด้วย ไม่ต้องเดินทางไปจ่ายเอง สะดวกมากๆ เเต่ผมเองก็ยังขอไม่ได้ คงต้องรอ 15 วันครับ

จะเป็นยังไง เดือนหน้า ไว้จะมาเล่าต่อครับ ขอตัวไปทำงานต่อ

Updated : 29/03/2564

หลังจากที่ผมจด VAT ผ่านเเล้ว ประมาณวันที่ 26 ผมก็ได้ ภพ.20 ล้ะครับ ซึ่งทางจังหวัดเค้าส่งผ่านไปรษณีย์มาให้

วันนี้ผมก็พยายามสมัครเพื่อขอยื่น VAT Online เเต่ก็ยังไม่ได้ซักที เพราะข้อมูลยังไม่อัพเดท ทางสรรพากรพื้นที่ เค้าก็เเจ้งมาว่า รอไปอีก 30 วัน 5555+ WTF!! นานอะไรขนาดนั้นว้ะะะ

แต่ผมเช็คจากบริษัทน้องชาย ซึ่งสมัคร VAT ทางเน็ต น้องมันบอกว่า ภพ.30 ยื่นผ่านเน็ตได้ล้ะนะ โอ้ยย จะว่าไปผมก็น่าจะพลาดไป น่าจะจด Online และจดให้เร็วกว่านี้หน่อย เพราะเพิ่งซื้อของชิ้นใหญ่ไปช่วงสิ้นเดือนที่เเล้ว เเละมูลค่าก็เยอะด้วยนี่ซิ

และตอนนี้ผมก็ได้ eToken มาเเล้วเรียบร้อยครับ หลังจากรอมาหลายวันจาก eBay ตอนนี้ก็รอทาง Thai Digital CA Approve Certificate ซึ่งก็น่าจะอีกไม่กี่วัน และหลังจากนั้น ผมก็จะยื่นขอทำ eTax ในลำดับต่อไป

และเดือนหน้า ก็คงต้องยื่น VAT ผ่านกระดาษไปก่อนครับ

มีอะไร Update เพิ่ม ผมจะมาเล่าในนี้ต่อนะครับ

Update : 16/05/2564

ตอนนี้ก็ผ่านช่วงการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ของบริษัทไปเป็นที่เรียบร้อย เเละทางบัญชีก็ได้ส่ง Draft งบการเงินมาให้เซ็นเรียบร้อย ต้องขอบคุณทางคุณอาร์ทมากๆครับ ที่บริการดีมาก ผมถามอะไรก็ตอบได้หมดเลย และขอบคุณทีมงานคุณอาร์ททุกท่านด้วยครับ

ผมได้ยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นไปเป็นที่เรียบร้อย ตั้งเเต่เช้าวันที่ 1/05/2564 ซึ่งตรงนี้จริงๆทางบัญชีเค้าก็ทำให้ได้ครับ เเต่ผมอยากลองเองทุกอย่างให้มากที่สุด เพื่อทำความเข้าใจกับระบบของมัน ซึ่งก็ไม่ยากครับ กรอกข้อมูลลงไปทางหน้าเว็บได้เลย

แต่ก่อนจะประชุมสามัญผู้ถือหุ้นนั้น ตามกฎหมายระบุให้เราประกาศลงหนังสือพิมพ์ กับทำจดหมายเชิญส่งหาผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ล้าหลังมากๆในยุคนี้ล้ะครับ ใครมันจะไปอ่านหนังสือพิมพ์กันเเล้วในยุคนี้ 555+

ตอนนี้ผมก็รอให้ทางคุณอาร์ทยื่นงบการเงิน เเละ ภงด.50 ให้ครับ ช่วงปลายเดือนนี้ก้น่าจะเรียบร้อยครับ

และอีกเรื่องก็คือ หลังจากที่ทางบริษัทจด VAT ไปเเล้วนั้น ทางผมเองก้ได้ Implement eTax Invoice เป็นที่เรียบร้อย ตอนเเรกจะลองทำเองหมด เพราะมีตัวอย่าง source code ให้ เเต่พอเอามาลองรันเเล้ว มันก็ไม่ได้ซักที เลยตัดสินใจใช้บริการจากทาง INET ครับ ซึ่งทาง INET จะมี API มาให้เเล้ว ผมเเค่เรียกใช้ ก็สามารถ sign เอกสารได้ สรุปคือ ผมซื้อ Cert จาก Thai Digital CA มาฟรีๆ กับ eToken 900 กว่าบาท มูลค่ารวมก็ 4000 กว่าบาทที่เหมือนจ่ายไปเเล้วใช้ไม่ได้ อันนี้ก็เป็นความผิดผมเองที่ด่วนตัดสินใจเร็วเกินไป ไม่ได้ทดสอบกับ Source Code ให้ดีซะก่อน

และเมื่อทำ eTax ก็ต้องนำส่งสรรพากรด้วยครับ ซึ่งทาง INET เค้าจะนำส่งให้วันที่ 13 ของเดือนถัดไป เเต่ก็มีปุ่มให้ส่งได้ทันที ซึ่งผมก็ลองส่งเองเเล้ว ใช้ได้ปกติครับ

สำหรับเอกสารที่ผมจะส่งให้ลูกค้า ก็จะเป็น ใบกำกับภาษี และใบเสร็จรับเงินครับ เอกสารจะเป็นคนละรหัสกัน ใบกำกับเป็น INV ใบเสร็จเป็น RE ครับ อันนี้ผมเอา PDF ที่ได้จาก Flow Account ไป Sign ซึ่งทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนรูปเเบบเอกสารด้วย

และเอกสารอีกอย่างที่ระบบรองรับ ก็คือ ใบเเจ้งหนี้ครับ สามารถ Sign ได้ ซึ่งผมก็ Plan ว่า ใบเเจ้งหนี้ ก็จะ Sign ให้ลูกค้าด้วย แต่หัวกระดาษของผมจะเป็นใบวางบิล/ใบแจ้งหนี้ครับ ซึ่งผมจะส่งให้ลูกค้ากรณีที่ลูกค้าเปิด PO มาเเล้ว หรือยืนยันการใช้บริการครับ

ส่วนเอกสารอื่นๆ เช่นใบเสนอราคา อันนี้ Sign ไม่ได้ครับ เลยต้องใช้ระบบอื่นๆในการ Sign ซึ่งตอนนี้ผมใช้ DocuSign อยู่ ราคาเดือนละ 15 USD ครับ รวมไปถึงเอกสารภายในบริษัทต่างๆ ผมจะใช้ DocuSign ในการ Sign ทั้งหมดเลย

และอีกเรื่อง ก็คือ e-WHT ครับ ตอนนี้ผมได้สมัครใช้บริการ SCB Business Net ไปเเล้ว ยื่นเอกสารเรียบร้อย เเต่ทางธนาคารยังไม่ติดต่อมาเลย ก็เลยคิดว่า ไม่รอ SCB ล้ะ อยากใช้ 555+ ก็เลยไปสมัคร K Cash Connect Plus ของ KBANK ด้วยถ้าใช้ได้ทั้งสองระบบ ก็ใช้มันทั้งสองไปเลย 555+

ในส่วนของ K Cash Connect Plus นั้น มีค่าบริการครับ จะเท่าไรก็เเล้วเเต่ Sale ตอนนี้ผมได้ User มา 4 ชุดล้ะ เข้าระบบได้เรียบร้อย เหลือเเค่ตัว Secure Pass ที่เหมือนเป็นตัว Gen OTP รอให้ทางไปรษณีย์เค้าส่งมาให้ และเท่าที่ผมอ่านคู่มือของ K Cash หากจะใช้ e-WTH ก็ต้องโทรไปเเจ้งเจ้าหน้าที่เค้าก่อน ผมก็โทรไปเเจ้งเค้าล้ะ จะเป็นยังไว ไว้จะมารีวิวครับ ผมเตรียมขาย License Mikrotik CHR ไว้ให้บริษัทเเล้ว จะได้เทสระบบดู ว่าเป็นยังไง เพราะหลังจากนี้ ผมต้องหัก ณ ที่จ่ายทาง ​INET ทุกๆเดือน ค่า eTax ครับ

แม้ผมจะพยายามหา Solution ต่างๆเพื่อตอบสนองเรื่อง Paperless เเต่เพราะเข้าใจว่าระบบของลูกค้า หรือ Distributor หรือ Partner หลายๆท่าน ยังโบราณ อยากรับเเต่กระดาษ ก็เลยจัด Printer Brother รุ่นเล็กๆมาหนึ่งเครื่องครับ รองรับ AirPrint อะไรต่างๆหมด ใช้ง่าย Print งานชัดเจน เติมหมึกก็ง่ายดาย

ตอนนี้ยังเหลือ Access Switch ที่ใช้อยู่ อยากเปลี่ยนไปใช้ Cisco CBS ไม่ก็ CAT 1k ก็รอให้ทางลูกค้าจ่ายตังค์ก่อนเเล้วกัน กับอยากได้ Server เล็กๆไว้รันงานในบ้านด้วย

มีอะไร Update ไว้จะมาเล่าให้ฟังครับ สำหรับภาพรวมธุรกิจ ตอนนี้ก็มีงาน เกือบๆล้นมือเเล้ว ดูระบบให้ลูกค้าหลายๆราย และมีลูกหนี้เต็มไปหมด วอนลูกค้าจ่ายเงินด้วยครับ 55555555555+

--

--